Web Blog การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ประกอบการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ (สาระเพิ่ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ส 22102 และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส 23102 ครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา ในการฝึกทักษะเรียนรู้พื้นฐาน การจัดการความรู้ ทักษะภาษาดิจิตอล ทักษะการรู้คิดประดิษฐ์สร้าง ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การสื่อสารที่มีประสิทธิผล ทักษะการสืบค้น ฯลฯ เพื่อพัฒนาไปสู่ทักษะความรู้ที่มุ่งหวังของหลักสูตร โรงเรียนมาตรฐานสากล 6 ประการ ประกอบด้วย (1) ทักษะการเรียนรู้ Learning Skills (2) ทักษะการคิด Thinking Skills (3) ทักษะการแก้ปัญหา Problerm Skills (4) ทักษะชีวิต Life Skills (5) ทักษะการใช้เทคโนโลยี Technology Skills (6) ทักษะการสื่อสาร Communication Skills ทฤษฎีระบบการเรียน KM (Knowlead Maneagement) โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม (Word Class Standard)

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่17 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ(อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล - ค.ศ. 500 )ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่สองก่อน ค.ศ. สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง สมัยโบราณเป็นผล งานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม  สถาปัตยกรรมและศิลปะชวนพิศวง จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์  ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณและยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ

1.พีระมิดอียิปต์  (The Pyramids of Egypt)

   พีระมิดอียิปต์เป็นสิ่งมหัสจรรย์ยุคโบราณเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์เหมือนใน อดีต  ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์   ณ  เมืองกีเซ (Giza) ตอนเหนือของกรุงไคโร  เมืองหลวงของอียิปต์  ประกอไปด้วยพีระมิดใหญ่  3  องค์  คือ  พีระมิดที่บรรจุพระศพของฟาโรห์คีออปส์ (Cheops)  คีเฟรน (Chephren)  และไมเซอริมุส (Mycerimus)  พีระมิดคีออปส์เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด  สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ  3500  ปีก่อนคริสต์ศักราช  เดิมสูงถึง  481 ฟุต  แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ  450  ฟุต  ฐานของพีระมิดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ  32.5  ไร่ ( 13  เอเคอร์ )  สร้างขึ้นโดยการใช้หินทรายตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมก้อนละประมาณ  2.5ตัน  ถึง  30  ตัน   โดยใช้หินทั้งหมดกว่า  2.3  ล้านก้อน  ใช้แรงงานทาสและกรรมกรในการก่อสร้างประมาณ 100,000 คน  ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ  20  ปี สำหรับพีระมิดคีเฟรนหรือพีระมิดรูปสฟิงซ์ซึ่งเป็นคนครึ่งราชสีห์    โดยมีใบหน้าเป็นคนมีตัวเป็นราชสีห์อยู่ในท่าหมอบเฝ้าหน้าพีระมิดคีออปส์สูงประมาณ 66 ฟุต


2.ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย  (The Pharos (Lighthouse) of Alexandria)
    ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย  ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรสริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  ณเมืองอเล็กซานเดรีย  ประเทศอียิปต์   สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ  270  ปีก่อนคริสต์ศักราช   ในสมัยของพระเจ้าปโตเลมีที่ 2 (Ptolemy II )   โดยสถาปนิกชากรีกนามว่า  โซสเตรโตส (Sostratos)   ตัวประภาคารสูงประมาณ  200 - 600  ฟุต   สร้างด้วยหินอ่อนสลักลวดลายวิจิตรบรรจงมาก   มีบันไดวนเป็นทางขึ้นไปสู่ยอดประภาคาร   ซึ่งมีตะเกียงขนาดใหญ่ส่องแสงสว่างเห็นได้ชัดในยามค่ำคืน   ทำให้อเล็กซานเดรียเป็นเมืองท่าที่งดงามยิ่งนัก   แต่ในศตวรรษที่ 13 ประภาคารฟาโรสได้พังทลายลงเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว



3.สวนลอยแห่งบาบิโลน (The Hanging Garden of Babylon)
      สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส  บนผืนแผ่นดินของประเทศอิรักในปัจจุบัน สวนลอยบาบิโลนเป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2  (Nebuchadnezzar II) แห่งกรุงบาบิโลเนียทรงดำริให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุทยานพักผ่อนแด่พระมเหสีของพระองค์      เมื่อประมาณ  600 ปีก่อนคริสต์ศักราช  สวนลอยที่สร้างบนพื้นดินกึ่งทะเลทรายนี้มีลักษณะเป็นชั้นลดหลั่นกันขึ้นไปสูงประมาณ  75  ฟุต  บนพื้นที่ 400 ตารางฟุต  ระเบียงของแต่ละชั้นได้รับการตกแต่งด้วยการปลูกไม้ดอก  ไม้พุ่ม  และไม้ยืนต้นต่างๆ  โดยมีระบบชลประทานชักรอกน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นไปสู่ชั้นบนสุด  เพื่อปล่อยให้ไหลลงมายังชั้นต่างๆ สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ต้นไม้ตลอดทั้งปี  ส่วนผนังแต่ละด้านประดับประดาด้วยกระจกสีอย่างสวยงาม  ปัจจุบันสวนลอยบาบิโลนได้พังทลายสูญหายไปหมดแล้ว


4.สุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส  (The  Mausoleum  at Halicarnassus)
 สุสานมุสโซเลียม  สร้างขึ้นโดยพระนางอาเตมีเชีย  พระมเหสีของกษัตริย์มุสโซลุส (Mausolus) แห่งคาเรีย  เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์มุสโซลุสหลังจากที่พระองค์สวรรคตเมื่อประมาณ  353  ปีก่อนคริสต์ศักราช  ตั้งอยู่ที่เมืองฮาลิคานาสซัสหรือเมืองซาเรีย   ในประเทศอิหร่านปัจจุบัน   ตัวสุสานสูงประมาณ  135  ฟุต   ความยาวฐานโดยรอบ  460  ฟุต   สร้างด้วยหินอ่อนล้วน   หลังคาชั้นบนสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมมีรูปแกะสลักของพระเจ้ามุสโซลุสประทับราชรถเทียมม้าอย่างสง่างาม   แต่ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 - 13  ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น   ทำให้สุสานพังทลายลงมา   ปัจจุบันจึงคงเหลือแต่ซากปรักหักพังบางส่วนที่พิพิธภัณฑ์แห่งอังกฤษเก็บอนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษากันต่อไป


5.อนุสาวรีย์โคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์  (The Colossus of Rhodes)

                อนุสาวรีย์โคโลสซูสหรือเทพเจ้าอพอลโล (Apollo)  เป็นเทวรูปที่หล่อขึ้นด้วยทองคำสำริดในท่ายืน  ตั้งอยู่ที่เมืองโรดส์  ประเทศกรีซ  สูงประมาณ  120  ฟุต  สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 300ปีก่อนคริสต์ศักราช   โดยกษัตริย์ชาเรสแห่งลินดุส  (chares of Lindus)  ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ  12  ปี  แต่พังทลายลงหลังจากก่อสร้างได้ประมาณ 60  ปี  เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ  224  ปีก่อนคริสต์ศักราช  และไม่ได้รัการบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลาประมาณ  900  ปี จนกระทั่งในราวคริสต์ศตวรรษที่  10  ชาวเมืองซาราเซนส์ได้ทำการซื้อเศษทองสำริดของอนุสาวรีย์  เพื่อนำไปหล่อทำอาวุธสงครามจนหมดสิ้น  เทวรูปขนาดใหญ่ยืนคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดผ่านไปมาแห่งนี้  จึงไม่เหลือแม้แต่เศษชิ้นส่วนของความยิ่งใหญ่ไว้เลย


6.วิหารไดอานา (อาร์เทมิส) แห่งเมืองเอฟิซูส (The Temple of Diana (Artemis) at Epesus)
    วิหารไดอานา  ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟิซูส  ประเทศกรีซ  สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนเมื่อประมาณ 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช  ตัววิหารกว้าง  160  ฟุต  ยาว  342  ฟุต  ด้านกว้างมีเสาหินอ่อนเรียง  8  ต้น ด้านยาวเรียง  20  ต้น  เสาแต่ละต้นสูง  60  ฟุต  เส้นผ่าศูนย์กลาง  6  ฟุต  หลังคาทำด้วยไม้มุงกระเบื้องหินอ่อน  ขนาดของวิหารครอบคลุมพื้นที่  54,720  ตารางฟุต  เป็นวิหารที่สวยงามมาก เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพธิดาอาร์เทมิสผู้เสด็จลงมาจากสรวงสรรค์เพื่อช่วยชาวเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติและความหายนะทั้งปวง  วิหารไดอานาได้รับการบูรณะซ่อมแซมเมื่อปี ค.ศ. 186  เนื่องจากถูกไฟไหม้  แต่ปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงร่างที่ยังคงงดงามให้ได้ศึกษากันต่อไป


7.อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุส (จูปีเตอร์)แห่งโอลิมเปีย   (The Statue of Zeus (Jupeter) at  Olympia)
      อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุสหรือจูปีเตอร์แห่งเมืองโอลิมเปีย  ประเทศกรีซ  สร้างขึ้นโดยปฎิมากรนามว่า ฟีดีอัส  ในช่วงเวลาระหว่าง ค.ศ. 53-111เป็นอนุสาวรีย์สลักด้วยงาช้างรูปเทพเจ้าซีอุสประทับนั่งบัลลังก์  สูงประมาณ  40  ฟุต   พระหัสถ์ขวาถือรูปจำลองเทพแห่งชัยชนะ  (A Small Figure of Victory)    พระหัสถ์ซ้ายถือคธา    ฉลองพระองค์และเครื่องประดับทำด้วยทองคำล้วน  ชาวกรีกโบราณให้ความเคารพนับถือว่าเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง  แต่ปัจจุบันได้พังทลายสูญหายไปหมดเนื่องจากแผ่นดินไหว  ยังคงมีหลักฐานเหลือไว้แต่เพียงในภาพวาดและในเหรียญโบราณเท่านั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น